จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา

จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา.

[คำอ่าน : จิด-เต, อะ-สัง-กิ-ลิด-เถ, สุ-คะ-ติ, ปา-ติ-กัง-ขา]

“เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้”

(ม.มู. 12/64)

คนที่มีจิตไม่เศร้าหมอง คือคนที่ไม่ถูกกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าครอบงำ ได้แก่ ไม่ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสนั่นเอง คนประเภทนี้ย่อมมีปัญญาสว่างไสว รู้ผิดรู้ถูก มีศีลมีธรรม และประพฤติตนอยู่ในหลักของศีลธรรม

คนที่มีจิตไม่เศร้าหมอง ย่อมมีจิตใจผ่องใส มีปัญญาพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง มองเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรควรอะไรไม่ควร และงดเว้นสิ่งที่ชั่ว กระทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์

อีกทั้งยังสามารถใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะทำกิจใด ๆ ก็ตาม ย่อมพิจารณาด้วยปัญญาก่อนแล้วจึงทำ คือพิจารณาให้เห็นโทษและประโยชน์ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่จะทำนั้นมีโทษ ก็งดเว้นเสีย แต่ถ้าพิจารณาเห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงลงมือทำ

คนที่มีจิตไม่เศร้าหมอง คือไม่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ เมื่อมีชีวิตอยู่ก็เจริญก้าวหน้า เพราะผลแห่งการกระทำที่เป็นความดีและมีประโยชน์นั้น เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ไปสู่สุคติภูมิ เพราะผลแห่งการกระทำความดีส่งผลให้ และความเศร้าหมองคือกิเลสอันเป็นตัวนำไปสู่ทุคติไม่ครอบงำจิต เมื่อไม่มีเหตุให้ต้องไปสู่ทุคติ สุคติจึงเป็นอันหวังได้