
อบายมุข 4 ประการ
อบายมุข แปลว่า ช่องทางของความเสื่อม ปากแห่งความเสื่อม หมายถึง ทางที่จะนำไปสู่ความพินาศ เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นทางแห่งความเสื่อมทรัพย์สมบัติและเกียรติยศชื่อเสียง ผู้ใดประพฤติเข้า ย่อมถึงความวิบัติล่มจม ท่านจำแนกไว้ 4 ประการบ้าง 6 ประการบ้าง ในที่นี้จะกล่าวถึงอบายมุข 4 ประการ คือ
1. อิตถีธุตตะ
อิตถีธุตตะ แปลว่า ความเป็นนักเลงหญิง คือความเป็นคนชอบเที่ยวผู้หญิง แม้ความเป็นคนชอบเที่ยวผู้ชาย คือผู้หญิงที่ชอบเที่ยวผู้ชาย ก็นับเข้าในข้อนี้ด้วยเช่นกัน
ความเป็นคนชอบเที่ยวผู้หญิง (หรือผู้หญิงที่ชอบเที่ยวผู้ชาย) นั้น ก่อให้เกิดโทษดังนี้
- ชื่อว่าไม่รักษาตัว คือ เป็นการไม่ดูแลสุขภาพ เพราะอาจทำให้ติดโรคได้ง่าย เป็นการทำลายสุขภาพ
- ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย (หรือสามี) คือ เป็นการไม่เอาใจใส่ดูแลครอบครัว อาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัวได้ง่าย
- ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์ คือ เป็นการใช้ทรัพย์สินให้สิ้นเปลืองหมดไปกับเรื่องไร้สาระหาประโยชน์มิได้
- เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย คือ คนทั่วไปจะไม่ไว้เนื้อเชื่อใจบุคคลที่มีความประพฤติลักษณะนี้
- มักถูกใส่ความ คือ หากมีเรื่องเกิดขึ้น บุคคลประเภทนี้มักตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะความประพฤติไม่ดี
- ได้รับความลำบาก คือ จากโทษ 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้บุคคลนั้นต้องได้รับความทุกข์ ความลำบากเดือดร้อนตามมา
2. สุราธุตตะ
สุราธุตตะ แปลว่า ความเป็นนักเลงสุรา คือ เป็นนักดื่ม ชอบเสพของมึนเมา รวมไปถึงยาเสพติดให้โทษทั้งหลายด้วย
โทษของความเป็นนักเลงสุรา มีดังนี้
- เสียทรัพย์ เพราะสุรา ของมึนเมา หรือยาเสพติดทั้งหลาย ต้องใช้ทรัพย์แลกมาจึงจะหามาดื่มมาเสพได้
- เป็นเหตุก่อทะเลาะวิวาท เพราะเมื่อเมาแล้วย่อมขาดสติ เป็นสาเหตุให้ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนหรือบุคคลอื่นได้ง่าย
- เป็นบ่อเกิดแห่งโรค เพราะสุรายาเสพติดนั้น เป็นของที่ทำลายสุขภาพ เมื่อดื่มหรือเสพมากเข้าก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย หรือเกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา
- ถูกตำหนิติเตียน เพราะการดื่มสุราหรือเสพสิ่งเสพติด เป็นการกระทำที่ผิดศีล ปัญญาชนทั้งหลายย่อมติเตียน
- ไม่รู้จักอาย เพราะเมื่อเมาแล้ว ความละอายก็หายไป กล้าทำเรื่องไม่ดีได้สารพัด
- ทอนกำลังปัญญา เพราะฤทธิ์ของสุราหรือสิ่งเสพติดทั้งหลาย ทำให้ความสามารถในการคิดอ่านหรือวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ลดลง คือบดบังปัญญานั่นเอง
3. อักขธุตตะ
อักขธุตตะ แปลว่า ความเป็นนักเลงการพนัน คือชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ ติดงอมแงม เลิกไม่ได้
ความเป็นนักเลงการพนัน มีโทษ 6 อย่าง ดังนี้
- เมื่อชนะย่อมก่อเวร คือ เมื่อชนะการพนันแล้ว คนอื่นที่แพ้ย่อมต้องการเอาคืนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
- เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป คือ เมื่อแพ้การพนันแล้วย่อมเสียทรัพย์ เมื่อเสียทรัพย์ก็ย่อมเป็นทุกข์เพราะเสียดาย และต้องการเล่นใหม่เพื่อเอาคืน เป็นอย่างนี้ไม่จบสิ้น
- ทรัพย์สินที่มีอยู่ย่อมฉิบหาย คือ คนที่ติดการพนันจะยอมเสียทุกอย่างเพื่อให้ได้เล่น เมื่อเสียเงินแล้วก็ยอมเอาทรัพย์สินอย่างอื่นไปแลกเงินมาเพื่อเล่นการพนัน สุดท้ายก็สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่เหลือสักอย่าง
- ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ เพราะคนที่ติดการพนัน ย่อมไม่เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของคนอื่น ดังนั้น พูดอะไรก็จะไม่มีใครเชื่อ คำพูดไม่มีน้ำหนัก
- เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน คือ คนอื่น ๆ หรือแม้แต่เพื่อน ย่อมดูหมิ่นดูแคลน ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
- ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย คือ ไม่มีใครอยากแต่งงานเป็นคู่ชีวิตกับคนที่ติดการพนัน เพราะจะมีแต่ล่มจม ไม่มีความเจริญรุ่งเรือง แม้คนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ถ้าติดการพนัน ก็จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน สามีหรือภรรยาย่อมต้องการที่จะหย่าร้างกันไป
4. ปาปมิตตะ
ปาปมิตตะ แปลว่า การคบคนชั่วเป็นมิตร หรือ ความเป็นผู้มีเพื่อนชั่ว คือมีเพื่อนไม่ดีนั่นเอง การคบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามลักษณะของมิตรชั่วที่คบ 6 ประเภท ดังนี้
- คนเล่นการพนัน เมื่อคบแล้วย่อมชักชวนเราให้เล่นการพนันด้วย ความเสื่อมเสียหรือโทษจากการเล่นการพนันก็จะตามมา
- คนเจ้าชู้ เมื่อคบแล้วก็ย่อมจะชักนำเราให้เป็นคนเจ้าชู้ตามไปด้วย ครอบครัวก็จะไม่สงบสุข ชีวิตคู่ไม่มั่นคง
- คนชอบดื่มเหล้า เมื่อคบแล้วย่อมชักชวนเราให้ดื่มเหล้า หรือเสพของมึนเมา เสพยาเสพติดอื่น ๆ ตามมา โทษจากการเป็นนักเลงสุราก็จะเกิดขึ้นตามมา
- คนลวงเขาด้วยของปลอม คือพวกนักต้มตุ๋นหรือมิจฉาชีพทั้งหลาย เมื่อคบแล้ว ย่อมชักชวนเราให้เป็นเหมือนเขา
- คนลวงเขาซึ่งหน้า คือคนชอบโกหกหลอกลวง เมื่อคบแล้วย่อมชักชวนเราให้กลายเป็นคนโกหกหลอกลวงด้วย
- นักเลงหัวไม้ เมื่อคบแล้ว ย่อมชักนำเราให้กลายเป็นนักเลงหัวไม้ไปด้วย
สรุปก็คือ คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้น ถ้าคบคนไม่ดีเราก็จะกลายเป็นคนไม่ดีตามไปด้วย ผลเสียทั้งหลายก็จะตามมา
- วุฑฒิธรรม 4 ประการ
- จักร 4 ประการ
- อคติ 4 ประการ
- อันตรายของภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ 4 ประการ
- ปธาน 4 ประการ
- อธิษฐานธรรม 4 ประการ
- อิทธิบาท 4 ประการ
- สิ่งที่ไม่ควรประมาท 4 ประการ
- ปาริสุทธิศีล 4 ประการ
- อารักขกัมมัฏฐาน 4 ประการ
- พรหมวิหาร 4 ประการ
- สติปัฏฐาน 4 ประการ
- ธาตุกัมมัฏฐาน 4 ประการ
- อริยสัจ 4 ประการ
- อบาย 4 ประเภท
- อปัสเสนธรรม 4 ประการ
- อัปปมัญญา 4 ประการ
- อริยวงศ์ 4 ประการ
- อรูป 4 ประการ
- อวิชชา 4 ประการ
- อาหาร 4 ประการ
- อุปาทาน 4 ประการ
- โอฆะ 4 ประการ
- กิจในอริยสัจ 4
- ฌาน 4 ประการ
- ทักขิณาวิสุทธิ 4 ประการ
- ธรรมสมาทาน 4 ประการ
- บริษัท 4 (หมวดที่ 1)
- บริษัท 4 (หมวดที่ 2)
- บุคคล 4 ประเภท
- ปฏิปทา 4 ประการ
- ปฏิสัมภิทา 4 ประการ
- ภูมิ 4 ประการ
- มรรค 4 ประการ
- ผล 4 ประการ
- โยนิ 4 ประการ
- วรรณะ 4 ประการ
- วิบัติ 4 ประการ (หมวดที่ 1)
- วิบัติ 4 ประการ (หมวดที่ 2)
- เวสารัชชญาณ 4 ประการ
- เจดีย์ 4 ประการ
- ถูปารหบุคคล 4 ประเภท
- ธาตุ 4 ประการ
- ปรมัตถธรรม 4 ประการ
- ประมาณ (ปมาณิก) 4 ประเภท
- ปัจจัย 4 ประการ
- นิสสัย 4 ประการ
- ปัญญาวุฒิธรรม 4 ประการ
- พร 4 ประการ
- พละ 4 ประการ
- โภควิภาค 4
- มหาปเทส 4 ประการ
- โยคะ 4 ประการ
- เทสนาวิธี 4 ประการ
- วิธีปฏิบัติต่อทุกข์และสุข 4 ประการ
- สมบัติ 4 ประการ
- วิปลาส 4 ประการ
- เทวทูต 4 ประการ
- พหุการธรรม 4 ประการ
- สัทธา (ศรัทธา) 4 ประการ
- สมชีวิธรรม 4 ประการ
- สมาธิภาวนา 4 ประการ
- สังขาร 4 ประการ
- ราชสังคหวัตถุ 4 ประการ
- สังเวชนียสถาน 4 ประการ
- สัมปทา 4 ประการ
- โสตาปัตติยังคะ 4 ประการ (หมวดที่ 1)
- โสตาปัตติยังคะ 4 ประการ (หมวดที่ 2)
- โสตาปัตติยังคะ 4 ประการ (หมวดที่ 3)
- ธรรม 4 ประการ
- อาจารย์ 4 ประเภท
- สัมปชัญญะ 4 ประการ
- ลักษณะของขันติ 4 ประการ
- ภาวนา 4 ประการ
- มหาภูต (ภูตรูป) 4 ประการ
- อริยบุคคล 4 ประเภท
- พระอรหันต์ 4 ประเภท
- อาสวะ 4 ประการ
- นิมิต 4 ประการ
- กรรมกิเลส 4 ประการ
- อบายมุข 4 ประการ
- ทิฏฐิธัมมิกัตถะ 4 ประการ
- สัมปรายิกัตถะ 4 ประการ
- มิตรเทียม 4 ประเภท
- มิตรแท้ 4 ประเภท
- สังคหวัตถุ 4 ประการ
- สุขของคฤหัสถ์ 4 ประการ
- ความปรารถนาที่สมหมายได้ยาก 4 ประการ
- เหตุที่ตระกูลมั่งคั่งตั้งอยู่ไม่ได้นาน 4 ประการ
- กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 ประการ
- ฆราวาสธรรม 4 ประการ