ภิกษุเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น รู้ความเกิดและความเสื่อมแห่งโลกแล้ว มีใจดี ไม่ถูกกิเลสอาศัย มีธรรมนั้นเป็นอานิสงส์ พึงหวังความบริสุทธิ์แห่งใจได้

ภิกฺขุ สิยา ฌายิ วิมุตฺตจิตฺโต อากงฺเข เว หทยสฺสานุปตฺตึ โลกสฺส ญตฺวา อุทยพฺพยญฺจ สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส

ภิกฺขุ สิยา ฌายิ วิมุตฺตจิตฺโต
อากงฺเข เว หทยสฺสานุปตฺตึ
โลกสฺส ญตฺวา อุทยพฺพยญฺจ
สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส.

[คำอ่าน]

พิก-ขุ, สิ-ยา, ชา-ยิ, วิ-มุด-ตะ-จิด-โต
อา-กัง-เข, เว, หะ-ทะ-ยัด-สา-นุ-ปัด-ติง
โล-กัด-สะ, ยัด-ตะ-วา, อุ-ทะ-ยับ-พะ-ยัน-จะ
สุ-เจ-ตะ-โส, อะ-นิด-สิ-โต, ตะ-ทา-นิ-สัง-โส

[คำแปล]

“ภิกษุเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น รู้ความเกิดและความเสื่อมแห่งโลกแล้ว มีใจดี ไม่ถูกกิเลสอาศัย มีธรรมนั้นเป็นอานิสงส์ พึงหวังความบริสุทธิ์แห่งใจได้.”

(เทวปุตฺต) สํ.ส. 14/73.

คำว่า “ภิกษุ” มากจากคำว่า “ภิกฺขุ” แปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ดังนั้น ภิกษุ พึงพิจารณาให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าวัฏสงสารนั้นมีภัยอย่างไร และพยายามทำตนให้พ้นจากภัยในวัฏสงสารนั้นเสียให้ได้

โลก คือมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งสรรพสิ่งทั้งหมดในโลกคือแผ่นดินนี้ ล้วนมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดเที่ยงแท้แน่นอน ทุกคนทุกสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้กฎพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยกันทั้งสิ้น

มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ล้วนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารอันยาวนาน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ต้องทนทุกข์กับการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น เพราะถูกกิเลสตัณหาครอบงำ ถูกอวิชชาห่อหุ้ม ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารได้ การเวียนว่ายตายเกิดประสบทุกข์ไม่รู้จบสิ้นนี้เอง คือภัยใหญ่ในวัฏสงสาร

หากภิกษุหมั่นเพ่งพิจารณาเนือง ๆ ให้เห็นภัยใหญ่ในวัฏสงสาร หมั่นสร้างทางหลบหนีจากภัยใหญ่ดังกล่าวด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนาอบรมสติปัญญาอยู่เนือง ๆ เมื่อบารมีถึงพร้อม ย่อมสามารถทำให้จิตหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลสได้ ไม่ถูกกิเลสครอบงำ เข้าถึงความบริสุทธิ์หมดจดคือพระนิพพานได้ เมื่อนั้น ภิกษุนั้นย่อมหลุดพ้นจากภัยใหญ่ในวัฏสงสาร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ไม่ต้องประสบกับทุกข์ในวัฏสงสารนี้อีกต่อไป.