บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ไม่พึง ยับยั้งอยู่

กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา

กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา
นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา
โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน
ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา.

[คำอ่าน]

กุม-พู-ปะ-มัง, กา-ยะ-มิ-มัง, วิ-ทิด-ตะ-วา
นะ-คะ-รู-ปะ-มัง, จิด-ตะ-มิ-ทัง, ถะ-เกด-ตะ-วา
โย-เท-ถะ, มา-รัง, ปัน-ยา-วุ-เท-นะ
ชิ-ตัน-จะ, รัก-เข, อะ-นิ-เว-สะ-โน, สิ-ยา

[คำแปล]

“บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ไม่พึง ยับยั้งอยู่.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/20.

ร่างกายของคนเรานี้ เป็นที่ชุมนุมแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ เป็นไปตามกฎพระไตรลักษณ์คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เปรียบเสมือนหม้อดิน คือไม่สามารถทนทานอยู่ได้นาน ไม่นานก็ย่อมแตกสลายไปตามกาลเวลา

จิตของคนเราเปรียบเสมือนเมืองเมืองหนึ่งที่ถูกข้าศึกศัตรูคือกิเลสคอยรุกรานราวีอยู่มิได้หยุดหย่อน

บุคคลพึงใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้จักร่างกายตามความเป็นจริงว่า เป็นสิ่งที่ไม่สวยไม่งาม เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีอันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา เป็นทุกข์ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่นานย่อมแตกสลายไปตามธรรมชาติ เหมือนหม้อดินที่ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้นาน ไม่นานย่อมแตกสลายไปตามเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นต่าง ๆ ตามความปรารถนาได้ พิจารณาได้ดังนี้แล้ว พึงคลายความกำหนัดพอใจในร่างกายทั้งของตนเองและผู้อื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ตามเห็นว่าสวยว่างาม

อีกอย่างหนึ่ง ทหารย่อมปกป้องรักษาเมืองของตนด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์นานาประการ เพื่อป้องกันมิให้อริราชศัตรูรุกรานได้ฉันใด บุคคลพึงใช้อาวุธคือปัญญาปกป้องคุ้มครองจิตที่เปรียบเสมือนนครให้รอดพ้นจากข้าศึกคือกิเลสทั้งหลายที่คอยรุกรานอยู่ตลอดเวลาฉันนั้น

กิเลสคือราคะ โทสะ โมหะ ย่อมคอยรุกรานราวีจิตของคนทั้งหลายอย่างไม่หยุดหย่อน จ้องที่จะเข้ายึดนครคือจิตนี้อยู่ตลอดเวลา หาโอกาสที่จะเข้าชักนำบงการจิตให้กระทำความชั่วนานาประการตามอำนาจของตนอยู่เสมอ ดังนั้น บุคคลทั้งหลายพึงใช้อาวุธคือปัญญาคุ้มครองจิตนั้นอย่างแข็งขัน อย่าให้ศัตรูคือกิเลสรุกรานได้

การที่บุคคลจะมีอาวุธคือปัญญาที่กล้าแกร่งพอที่จะต้านทานศัตรูคือกิเลสได้นั้น จะต้องเจริญวิปัสสนาอยู่เป็นประจำ เพื่อสร้างวิปัสสนาญาณให้เกิดขึ้น อบรมปัญญาให้เฉียบคม มีกำลังพอที่จะต่อกรกับศัตรูคือกิเลสทั้งหลาย และพึงรักษาแนวรบระหว่างนครคือจิตกับศัตรูคือกิเลสนี้ไว้ให้ดี ไม่ชะล่าใจ คืออย่าละทิ้งความเพียรในการเจริญวิปัสสนาเสียในระหว่าง พึงทำต่อไปไม่หยุด จนกว่าจะกำจัดศัตรูคือกิเลสเหล่านั้นได้อย่างหมดสิ้นเด็ดขาด จึงจะเบาใจได้.