สัมปรายิกัตถะ หรือ สัมปรายิกัตถสังวัตตนิกธรรม คือ ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า หรือ ธรรมที่เกื้อหนุนให้ได้ประโยชน์ในภายหน้าหรือภพหน้า มี 4 ประการ คือ
1. สัทธาสัมปทา
สัทธาสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือ ความเป็นคนมีศรัทธา มีความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา หมายเอาศรัทธา 4 ประการ คือ
- กัมมสัทธา ความเชื่อในเรื่องของกรรม คือ เชื่อว่ากรรมมีจริง เชื่อกฎแห่งกรรม
- วิปากสัทธา ความเชื่อในเรื่องผลของกรรม คือ เชื่อว่าผลกรรมมีจริง
- กัมมัสสกตาสัทธา ความเชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ทำกรรมใดไว้จะได้รับผลของกรรมนั้น
- ตถาคตโพธิสัทธา ความเชื่อในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ผู้ที่มีศรัทธาหรือความเชื่อที่ถูกต้อง ย่อมทำแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง อันจะอำนวยผลดีให้ทั้งในภพนี้และภพหน้า
2. สีลสัมปทา
สีลสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยศีล คือ การรักษากาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย กล่าวคือ การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่ทำบาปทุจริตทั้งหลาย ถ้าเป็นฆราวาสก็รักษาศีล 5 หรือศีลอุโบสถ ถ้าเป็นสามเณรก็รักษาศีล 10 ถ้าเป็นพระภิกษุก็รักษาศีล 227 เป็นต้น
ศีล เป็นเบื้องต้นแห่งการทำความดีทั้งหลาย คนที่รักษาศีลดี ย่อมจะได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลทั้งหลายในโลกนี้ เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ก็มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
3. จาคสัมปทา
จาคสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ คือ ยินดีเสียสละ ทั้งกำลังทรัพย์และกำลังกาย เช่น การบริจาคให้ปันสิ่งของแก่ผู้ยากไร้ การถวายทานบำรุงพระสงฆ์ผู้ทรงศีล การเสียสละแรงกายช่วยเหลือสังคม เป็นต้น
การเสียสละนี้เป็นธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโลภะและมัจฉริยะ ผู้ที่ยินดีในการเสียสละ ย่อมสามารถกำจัดความโลภและความตระหนี่ถี่เหนียวลงได้
4. ปัญญาสัมปทา
ปัญญาสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยปัญญา คือ ความเป็นผู้รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ แล้วละสิ่งที่เป็นบาป ทำสิ่งที่เป็นบุญ ละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ อีกอย่างหนึ่งคือ การหมั่นเจริญปัญญาด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อันจะก่อให้เกิดปัญญาพิจารณาสรรพสิ่งให้เห็นตามความเป็นจริงได้
ผู้ที่มีความถึงพร้อมด้วยปัญญาสัมปทาเช่นนี้ ย่อมสามารถละชั่วทำดีได้ ทำเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์อันมีผลดีทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
หลักธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นหลักธรรมที่ก่อประโยชน์ให้ทั้งในโลกนี้และมีผลสืบต่อไปถึงโลกหน้าคือภพหน้าด้วย จึงควรบำเพ็ญให้เจริญมาก ๆ เท่าที่จะมีความสามารถบำเพ็ญได้