เห็นอริยสัจแล้ว ถอนตัณหาผู้นำไปสู่ภพได้แล้ว ตัดมูลรากแห่งทุกข์แล้ว ฯลฯ
ตานิ เอตานิ ทิฏฺฐานิ ภวเนตฺติ สมูหตา
อุจฺฉินฺนํ มูลํ ทุกฺขสฺส นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.
[คำอ่าน]
ตา-นิ, เอ-ตา-นิ, ทิด-ถา-นิ…..พะ-วะ-เนด-ติ, สะ-มู-หะ-ตา
อุด-ฉิน-นัง, มู-ลัง, ทุก-ขัด-สะ…..นัด-ถิ-ทา-นิ, ปุ-นับ-พะ-โว
[คำแปล]
“เห็นอริยสัจแล้ว ถอนตัณหาผู้นำไปสู่ภพได้แล้ว ตัดมูลรากแห่งทุกข์แล้ว ย่อมไม่มีภพอื่นอีกต่อไป.”
(พุทฺธ) ที.มหา. 10/107.
การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนั้น มีมูลเหตุมาจากตัณหา 3 ประการ อันได้แก่ กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ภวตัณหา ความทะยานอยากในภพ และวิภวตัณหา ความทะยานอยากในวิภพ เมื่อยังมีตัณหาทั้ง 3 ประการนี้ ชื่อว่ายังมีเชื้อยางที่ทำให้เกิดอยู่ ย่อมไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ใหญ่ในวัฏสงสารได้ ดังนั้น ตัณหาจึงได้ชื่อว่าผู้นำไปสู่ภพ และเป็นมูลรากแห่งทุกข์ทั้งปวง
วิธีที่จะทำลายภพชาติได้ คือ ต้องถอนตัณหาเสียให้ได้ และวิธีที่จะถอนตัณหาเสียได้นั้น คือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ 8 เมื่อหมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอยู่บ่อย ๆ ไม่ขาดตกบกพร่อง ย่อมจะสามารถทำลายกิเลสตัณหาได้ทีละน้อย ๆ ตามลำดับ และสามารถกำจัดกิเลสตัณหาให้หมดสิ้นได้ในที่สุดตามกำลังแห่งบุญบารมีของตน ๆ เมื่อใดที่ทำลายกิเลสตัณหาได้หมดสิ้นแล้ว เมื่อนั้น ภพชาติย่อมหมดสิ้น คือไม่มีภพใหม่อีกต่อไป ได้แก่ เข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง.