ใจสั่งมา

บุคคลไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ใฝ่หาสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ฯลฯ

อตีตํ นานุโสจนฺติ     นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ     เตน วณฺโณ ปสีทติ.

[คำอ่าน]

อะ-ตี-ตัง, นา-นุ-โส-จัน-ติ…..นับ-ปะ-ชับ-ปัน-ติ, นา-คะ-ตัง
ปัด-จุบ-ปัน-เน-นะ, ยา-เปน-ติ….เต-นะ, วัน-โน, ปะ-สี-ทะ-ติ

[คำแปล]

“บุคคลไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ใฝ่หาสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ยังชีวิตให้เป็นไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เพราะเหตุนั้น ผิวพรรณย่อมผ่องใส.”

(พุทฺธ) สํ.ส. 15/7.

อดีต คือช่วงเวลาที่ล่วงเลยไปแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นและจบไปแล้ว ไม่สามารถที่จะดึงคืนกลับมาได้ ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ การที่บุคคลมานั่งจับเจ่าเศร้าโศกถึงเรื่องในอดีต ย่อมไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากเรื่องเหล่านั้น ซ้ำยังทำให้จิตใจเศร้าหมองลงเรื่อย ๆ หาสาระประโยชน์มิได้

อนาคต คือช่วงเวลาในกาลข้างหน้า ช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึง ช่วงเวลาที่ยังไม่เกิดขึ้น การที่บุคคลมานั่งกังวลถึงเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นการตีตนไปก่อนไข้ ย่อมทำให้จิตฟุ้งซ่าน คิดมาก เป็นการทำจิตใจให้เศร้าหมองเช่นกัน

เมื่อสภาพจิตใจเศร้าหมองแล้ว ย่อมส่งผลถึงสภาพร่างกายภายนอก หน้าตาผิวพรรณของเขาย่อมเศร้าหมองไม่ผ่องใส

ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนี้เดี๋ยวนี้ เป็นช่วงเวลาที่บุคคลประสบในแต่ละขณะ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เป็นช่วงเวลาที่บุคคลควรใส่ใจและให้ความสำคัญที่สุด เพราะบุคคลจะถือเอาประโยชน์ได้จากช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันนี้

พุทธศาสนาสอนให้สาวกใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มีสติสัมปชัญญะรู้เท่าทันปัจจุบัน เหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นจำเพาะหน้าไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ให้รู้เท่าทันทั้งหมด จะได้ละสิ่งที่ชั่วทำแต่สิ่งที่ดี และสามารถแก้ไขปัญหาในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ทันท่วงที ยิ่งเมื่อกล่าวถึงการปฏิบัติธรรมเพื่อเป้าหมายคือการบรรลุธรรมขั้นสูง ยิ่งต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่กับปัจจุบันธรรมจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้

บุคคลผู้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ไม่โศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ถึงสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว และไม่พะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ย่อมมีจิตใจแช่มชื่นเบิกบานไม่เศร้าหมอง เมื่อจิตใจแช่มชื่นเบิกบานแล้ว ย่อมส่งผลถึงร่างกายภายนอก สีหน้าและผิวพรรณของบุคคลนั้น ๆ ย่อมผ่องใสไม่เศร้าหมอง.