ใจสั่งมา

ความบริสุทธิ์ก็ดี ผู้ที่จะประเสริฐล้วนก็ดี ขันติและโสรัจจะก็ดี ฯลฯ

น สุทฺธิ เสจเนน อตฺถิ     นปิ เกวลี พฺราหฺมโณ
น เจว ขนฺติ โสรจฺจํ     นปิ โส ปรินิพฺพุโต.

[คำอ่าน]

นะ, สุด-ทิ, เส-จะ-เน-นะ, อัด-ถิ…..นะ-ปิ, เก-วะ-ลี, พราม-มะ-โน
นะ, เจ-วะ, ขัน-ติ, โส-รัด-จัง…..นะ-ปิ, โส, ปะ-ริ-นิบ-พุ-โต

[คำแปล]

“ความบริสุทธิ์ก็ดี ผู้ที่จะประเสริฐล้วนก็ดี ขันติและโสรัจจะก็ดี จะเป็นผู้เย็นสนิทก็ดี ย่อมไม่มี เพราะการชำระล้าง (ด้วยน้ำ).”

(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ปกิณฺณก. 27/376.

ความบริสุทธิ์หมดจด สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการเจริญศีล สมาธิ และปัญญา ความอดทน สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการปรารภให้ตนพ้นจากสภาพที่เลวและเข้าถึงสภาพที่ดีกว่า ความสงบเสงี่ยม สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยความเป็นผู้คงที่ ไม่หวั่นไหวต่อวิสภาคารมณ์ ความเป็นผู้เย็นสนิทคือการเข้าถึงพระนิพพาน จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยอรหัตตผลซึ่งเป็นผลอันจะพึงประสงค์ได้ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

คุณธรรมทั้งหลายทั้งปวงตามที่กล่าวมานั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการชำระล้าง ไม่ว่าจะเป็นการชำระล้างด้วยน้ำ การสวดอ้อนวอน หรือด้วยพิธีกรรมใด ๆ ก็ตาม นั่นไม่ใช่วิธีทำให้เกิดคุณธรรมตามหลักพุทธศาสนา

แต่คุณธรรมทั้งหลาย จะสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ การหมั่นเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานเป็นต้น คำสอนในพุทธศาสนานั้นสอนว่า ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์นั้นเป็นของเฉพาะตน คือใครทำคนนั้นก็ได้ และที่สำคัญคือต้องทำให้ถูกวิธี

ปัจจุบันคนทั้งหลายหวังพึ่งสิ่งภายนอกมากกว่าพึ่งตนเอง หวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลความสำเร็จให้มากกว่าที่จะพยายามขวนขวายด้วยตนเอง ชอบเที่ยวขอพรตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์แล้วอธิษฐานให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จนลืมไปว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นการกระทำที่สวนทางกับคำสอนในพุทธศาสนาที่สอนให้พึ่งตนเองในการสร้างคุณงามความดีและทำกิจทั้งหลาย

ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงสร้างบารมีให้ถูกทาง ศึกษาหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนาให้รู้ลึกรู้จริงและนำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง จึงจะเป็นประโยชน์กับชีวิต และสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาได้.