ปฏิโสตคามึ นิปุณํ คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณํุ
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ ตโมกฺขนฺเธน อาวุตา.
[คำอ่าน]
ปะ-ติ-โส-ตะ-คา-มิง, นิ-ปะ-นัง…..คำ-พี-รัง, ทุด-ทะ-สัง, อะ-นุง
รา-คะ-รัด-ตา, นะ, ทัก-ขัน-ติ…..ตะ-โมก-ขัน-เท-นะ, อา-วุ-ตา
[คำแปล]
“ผู้ถูกราคะย้อม ถูกกองมืด (อวิชชา) ห่อหุ้มแล้ว ย่อมไม่เห็นธรรมสำหรับฝืนใจอันละเอียดลออ ลึกซึ้ง ซึ่งเห็นได้ยาก.”
(พุทฺธ) ที.มหา. 10/41.
ผู้ถูกราคะย้อม ได้แก่ บุคคลผู้ถูกความกำหนัดเข้าครอบงำ กระสับกระส่ายครุ่นคิดถึงแต่อารมณ์ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ โหยหารูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ ที่น่าปรารถนาอยู่เสมอ ลุ่มหลงมัวในในสิ่งลวงโลกจนไม่สามารถถอนตัวได้
ผู้ถูกกองมืดห่อหุ้ม หมายถึง บุคคลผู้ถูกอวิชชาคือความไม่รู้ครอบงำ ความไม่รู้คืออวิชชานั้น ได้แก่ความไม่รู้ในอริยสัจ 4 อวิชชานี้ถือว่าเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ตามหลักปฏิจจสมุปบาท ความทุกข์โทมนัสทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับสัตว์โลกทั้งปวงนั้น มีสาเหตุเริ่มต้นมาจากอวิชชา
ธรรมสำหรับฝืนใจอันละเอียดลออ ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก ได้แก่ อริยสัจ 4 อันประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค ซึ่งเป็นสัจธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และนำมาสั่งสอนเหล่าสาวกให้รู้ตาม
ตราบใดที่บุคคลยังถูกราคะครอบงำ ยังทำลายอวิชชาไม่ได้ ย่อมเป็นการยากที่จะเห็นอริยสัจ 4 อันเป็นธรรมที่ลึกซึ้งและเห็นได้ยาก การที่จะเข้าถึงพระนิพพานกระทำที่สุดแห่งทุกข์ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย.