ใจสั่งมา

ผู้ใดให้ที่พัก ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ

โส จ สพฺพทโท โหติ     โย ททาติ อุปสฺสยํ
อมตนฺทโท จ โส โหติ     โย ธมฺมมนุสาสติ.

[คำอ่าน]

โส, จะ, สับ-พะ-ทะ-โท, โห-ติ…..โย, ทะ-ทา-ติ, อุ-ปัด-สะ-ยัง
อะ-มะ-ตัน-ทะ-โท, จะ, โส, โห-ติ…..โย, ทำ-มะ-มะ-นุ-สา-สะ-ติ

[คำแปล]

“ผู้ใดให้ที่พัก ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ.”

(พุทฺธ) สํ.ส. 15/45.

ในชีวิตของคนเรานั้น พี่พักอาศัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ เป็นหนึ่งใจปัจจัยสี่ของชีวิตที่จำเป็นมาก คนเราถ้าขาดที่อยู่อาศัยเสียแล้วก็เท่ากับว่าไม่มีอะไรเลย

คำว่า ให้ที่พักอาศัย หมายถึง การเอื้อเฟื้อสถานที่ให้บุคคลอื่นได้อยู่อาศัยพักพิง การต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนด้วยที่พักอาศัย และคำว่า ให้พี่พักอาศัยนี้ หมายรวมถึงการให้ข้าวให้น้ำ การต้อนรับขับสู้ด้วยสิ่งของจำเป็นสำหรับการอยู่อาศัยต่าง ๆ ด้วย ดังนั้น บุคคลผู้ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้อื่น พร้อมทั้งให้ความอนุเคราะห์ด้วยดีในการพักอาศัย จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ทุกอย่าง

ส่วนผู้ที่สอนธรรมคือให้ธรรมะแก่ผู้อื่น ได้ชื่อว่า เป็นผู้ให้อมตะ เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่ไม่ตาย คือไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ธรรมะยังคงเป็นจริงเสมอ สามารถปฏิบัติได้และให้ผลได้เสมอ ไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา

นอกจากนั้น ธรรมะบางข้อเป็นแนวทางปฏิบัติไปสู่ทางพ้นทุกข์ ได้แก่ อริยสัจ 4 อันเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เป็นหลักธรรมที่จะนำบุคคลเข้าสู่ความไม่เกิดไม่ตาย อันได้แก่ พระนิพพานอันเป็นอมตะ ดังนั้น ผู้ให้ธรรมะหรือผู้สอนธรรมะจึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ให้อมตะ.