ปตฺตา เต นิพฺพานํ เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆเฏนฺติ ชาติมรณปฺปหานาย.
[คำอ่าน]
ปัด-ตา, เต, นิบ-พา-นัง, เย, ยุด-ตา…..ทะ-สะ-พะ-ลัด-สะ, ปา-วะ-จะ-เน
อับ-โปด-สุก-กา, คะ-เตน-ติ…..ชา-ติ-มะ-ระ-นับ-ปะ-หา-นา-ยะ
[คำแปล]
“ผู้ใดประกอบในธรรมวินัยของพระทศพล มีความขวนขวายน้อย พากเพียรละความเกิดความตาย ผู้นั้นย่อมบรรลุพระนิพพาน.”
(สุเมธาเถรี) ขุ.เถรี. 26/502.
หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าประกอบด้วยสองส่วน คือ ธรรม ได้แก่ หลักความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วนำมาสั่งสอนให้สาวกปฏิบัติตาม วินัย คือ กฎระเบียบต่าง ๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เพื่อให้เหล่าสาวกยึดถือปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสื่อมเสียด้านอาจาระและควบคุมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อยดีงาม ไม่นอกลู่นอกทาง
คำว่า มีความขวนขวายน้อย ในสุภาษิตนี้ หมายถึง การกำจัดตัณหาคือความทะยานอยากทั้ง 3 ประการ คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา ให้หมดไป และตัดความกังวลในการดำรงชีวิตอย่างชาวโลกทั้งหลายเสีย หันมาดำรงชีวิตเยี่ยงผู้ประพฤติธรรม ละความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
คำว่า พากเพียรละความเกิดความตาย หมายถึง การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อทำลายอวิชชา กำจัดกิเลสตัณหาอันเป็นรากเหง้าแห่งการเวียนเกิดเวียนตายในวัฏสงสารเสียให้ได้
บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังกล่าว คือ ดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ละกิเลสตัณหา ปล่อยวางสิ่งอันเป็นเหตุแห่งความกังวลทั้งปวง พากเพียรพยายามปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง ย่อมสามารถบรรุธรรมขั้นสูง เข้าถึงพระนิพพาน ล่วงพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้ในที่สุด.