พละ 4 ประการ
พละ หมายถึง ธรรมอันเป็นกำลัง ธรรมอันเป็นพลังทำให้ดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจ ไม่หวั่นต่อภัยทุกอย่าง ท่านจำแนกไว้ 4 ประการ
พละ หมายถึง ธรรมอันเป็นกำลัง ธรรมอันเป็นพลังทำให้ดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจ ไม่หวั่นต่อภัยทุกอย่าง ท่านจำแนกไว้ 4 ประการ
พร 5 ประการ
1. อายุ พลังที่หล่อเลี้ยงทรงชีวิต
2. วรรณะ ความงามเอิบอิ่มผ่องใส
3. สุขะ ความสุข
4. โภคะ ความพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ
5. พละ กำลังแรงความเข้มแข็ง
พร หมายถึง สิ่งน่าปรารถนาที่บุคคลหนึ่งอำนวยให้หรือแสดงความประสงค์ด้วยความปรารถนาดีให้เกิดมีขึ้นแก่บุคคลอื่น หรือสิ่งประเสริฐ สิ่งดีเยี่ยม
ปัญญาวุฒิธรรม คือ หลักธรรมที่ก่อให้เกิดความเจริญแห่งปัญญา หลักธรรมที่สนับสนุนปัญญา หลักธรรมที่เป็นเหตุพอกพูนปัญญา มี 4 ประการ
นิสสัย คือ เครื่องอาศัยของบรรพชิต หมายถึง สิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิตของภิกษุ บนพื้นฐานของปัจจัย 4 แต่จำกัดแคบเข้ามา เพราะภิกษุไม่ควรดำรงชีวิตเยี่ยงคฤหัสถ์
ปัจจัย หมายถึง สิ่งค้ำจุนชีวิต สิ่งจำเป็นเบื้องต้นของชีวิต สิ่งที่ต้องอาศัยเลี้ยงอัตภาพ เป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต้องมีสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย จำแนกเป็น 4 ประการ
ประมาณ หรือ ปมาณิก หมายถึง บุคคลที่ถือประมาณต่าง ๆ กัน คนในโลกผู้ถือเอาคุณสมบัติต่าง ๆ กัน เป็นเครื่องวัดในการที่จะเกิดความเชื่อความเลื่อมใส มี 4 ประเภท
ปรมัตถธรรม คือ สภาวะที่มีอยู่โดยปรมัตถ์ สิ่งที่เป็นจริงโดยความหมายสูงสุด สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย มี 4 ประการ
ธาตุกัมมัฏฐาน 6 ประการ
1. ปฐวีธาตุ ธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง
2. อาโปธาตุ ธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ
3. เตโชธาตุ ธาตุที่มีลักษณะร้อน
4. วาโยธาตุ ธาตุที่มีลักษณะพัดไปมา
5. อากาสธาตุ ธาตุที่มีลักษณะเป็นช่องว่าง
6. วิญญาณธาตุ ธาตุที่มีลักษณะเป็นเครื่องรู้แจ้งอารมณ์
ธาตุ คือ สิ่งที่ทรงสภาวะของตนอยู่เอง คือมีอยู่โดยธรรมดา เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีอัตตา มิใช่สัตว์ มิใช่ชีวะ มี 4 ประการ
ถูปารหบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ควรแก่สถูป หมายถึง ผู้มีคุณความดีพิเศษที่ควรแก่การสร้างสถูปไว้เคารพบูชา ท่านจำแนกไว้ 4 ประเภท
เจดีย์ คือ สิ่งที่เคารพบูชา สิ่งที่เตือนใจให้ระลึกถึง หรือสิ่งที่ก่อขึ้นเป็นที่เคารพ ในที่นี้หมายถึง สถานที่หรือสิ่งที่เคารพบูชาอันเนื่องด้วยพระพุทธเจ้า หรือเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา เรียกเต็ม ๆ ว่า สัมมาสัมพุทธเจดีย์ หรือ พุทธเจดีย์
เวสารัชชะ หรือ เวสารัชชญาณ หมายถึง ความไม่ครั่นคร้าม ความแกล้วกล้าอาจหาญ ได้แก่ พระญาณอันเป็นเหตุให้ทรงแกล้วกล้าอาจหาญไม่ครั่นคร้าม ของพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ทรงกลัวว่าใครจะมาทักท้วงพระองค์ใน 4 เรื่อง
วิบัติ แปลว่า ข้อเสีย จุดอ่อน ความบกพร่องแห่งองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งไม่อำนวยแก่การให้ผลของกรรมดี แต่เปิดช่องให้กรรมชั่วแสดงผล ส่วนประกอบบกพร่อง เปิดช่องให้กรรมชั่ว
วิบัติ แปลว่า ความผิดพลาด ความบกพร่อง ความเสียหาย หมายถึง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย
วรรณะ ในที่นี้มีความหมายว่า ชนชั้น หมายถึงชนชั้นในสังคมอินเดียสมัยพุทธกาล ที่กำหนดโดยชาติกำเนิดตามหลักของศาสนาพราหมณ์
โยนิ แปลว่า กำเนิด หมายถึง แบบหรือชนิดของการเกิด การถือกำเนิดของสรรพสัตว์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน จำแนกเป็น 4 ลักษณะ
ผล ในที่นี้ หมายถึง ผลที่เกิดสืบเนื่องจากการละกิเลสได้ด้วยมรรค ธรรมารมณ์อันพระอริยะพึงเสวย ที่เป็นผลเกิดเองในเมื่อกิเลสสิ้นไปด้วยอำนาจมรรคนั้นๆ บางที่เรียกว่า สามัญญผล คือผลแห่งการบำเพ็ญสมณธรรม
มรรค แปลว่า หนทาง ในที่นี้หมายถึง ทางเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล ได้แก่ ญาณที่ทำให้ละสังโยชน์ได้ขาด แบ่งเป็น 4 ระดับ ตามความสามารถละสังโยชน์ได้มากน้อยกว่ากัน
ภูมิ คือ ชั้นแห่งจิต ระดับจิตใจ ระดับชีวิต หมายถึง ชั้นหรือพื้นเพของจิตและเจตสิกที่ประณีตขึ้นไปตามลำดับ แบ่งเป็น 4 ชั้น
ปฏิสัมภิทา คือ ปัญญาอันแตกฉาน ความรู้อันแตกฉาน เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระอรหันต์ประเภท ปฏิสัมภิทัปปัตโต คือ พระอรหันต์ผู้ได้ปฏิสัมภิทา 4 ประการ
ปฏิปทา หมายถึง แนวปฏิบัติ ทางดำเนิน การปฏิบัติที่เป็นทางดำเนินให้ถึงจุดหมายคือความหลุดพ้นหรือความสิ้นอาสวะ จำแนกตามความยากลำบากของการปฏิบัติและความช้าเร็วของการบรรลุเป้าหมาย
บุคคล หมายถึง บุคคลผู้มีอัธยาศัยต่าง ๆ กัน มีอุปนิสัยต่าง ๆ กัน ท่านจำแนกประเภทตามอุปนิสัยในอันที่จะฟังธรรมแล้วรู้ตามได้ เป็น 4 ประเภท
บริษัท แปลว่า หมู่ คณะ กลุ่มชน ในที่นี้ หมายเอากลุ่มชนตามระบบสังคม ซึ่งจำแนกตามกลุ่มชนทางสังคมในชมพูทวีปในครั้งพุทธกาล แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ
บริษัท แปลว่า ชุมนุม ที่ประชุม หรือกลุ่มชน ในที่นี้หมายเอาหมู่แห่งพุทธศาสนิก หรือชุมชนชาวพุทธ หมายถึงกลุ่มชนที่จะประคับประคองพระพุทธศาสนาให้คงอยู่และเจริญรุ่งเรืองไปได้
ธรรมสมาทาน คือ ข้อที่ยึดถือเอาเป็นหลักความประพฤติปฏิบัติ หลักการที่ยึดถือปฏิบัติ การประกอบกรรม เป็นข้อธรรมที่มุ่งแสดงถึงรูปแบบของการปฏิบัติและลักษณะของการให้ผลของการปฏิบัตินั้น มี 4 ลักษณะ
ทักขิณาวิสุทธิ หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาหรือการถวายทาน เป็นสิ่งจำแนกให้เห็นชัดว่าการถวายทานนั้นจะมีอานิสงส์มากหรือน้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
ฌาน หมายถึง ความแน่วแน่แห่งจิต หรือภาวะที่จิตสงบนิ่งเป็นสมาธิขั้นอัปปนา ซึ่งเป็นสมาธิขั้นสูงสุด เกิดจากการเจริญสมถกรรมฐาน ในที่นี้หมายเอารูปฌาน คือฌานที่เกิดจากการเพ่งสิ่งที่เป็นรูปธรรม เช่น กสิณ 10 อสุภะ 10 เป็นต้น เป็นอารมณ์
กิจในอริยสัจ 4 คือ หน้าที่อันจะพึงทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละอย่าง ข้อที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและเสร็จสิ้นในอริยสัจ 4 แต่ละอย่าง ผู้ที่จะปฏิบัติให้ตรัสรู้ได้นั้น จะต้องปฏิบัติกิจในอริยสัจ 4 แต่ละข้อให้ถูกต้อง
โอฆะ แปลว่า ห้วงน้ำ หมายถึง สภาวะอันเป็นดุจกระแสน้ำหลากท่วมใจสัตว์ กิเลสที่เป็นเหมือนห้วงน้ำที่พัดพาสรรพสัตว์ให้จมอยู่ในวังวนแห่งสังสารวัฏ กิเลสดุจน้ำท่วมพาผู้ตกไปให้พินาศ โอฆะนี้ เรียกว่า โยคะ บ้าง เพราะเป็นกิเลสที่ผูกมัดสรรพสัตว์ไว้ในภพ เรียกว่า อาสวะ บ้าง เพราะเป็นกิเลสที่หมักหมมฝังแน่นอยู่ในสันดานของสรรพสัตว์