หน้าที่มารดาบิดาที่มีต่อบุตร 5 ประการ
มารดาบิดา จัดเป็นปุรัตถิมทิศ คือ ทิศเบื้องหน้า ในหลักทิศ 6 เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่บุตรก่อนกว่าคนอื่นทั้งปวง มารดาบิดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดาด้วย 5 สถาน
มารดาบิดา จัดเป็นปุรัตถิมทิศ คือ ทิศเบื้องหน้า ในหลักทิศ 6 เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่บุตรก่อนกว่าคนอื่นทั้งปวง มารดาบิดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดาด้วย 5 สถาน
ทิศ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทิศโดยทั่วไปมีทิศเหนือเป็นต้น แต่หมายถึงบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเราโดยฐานะและหน้าที่ 6 ประเภท พระพุทธเจ้าทรงนำบุคคลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับทิศทั้ง 6 และแสดงหลักการปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้นไว้
อุบาสกธรรม หมายถึง ธรรมะของอุบาสก หรือคุณสมบัติของอุบาสก ธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญของอุบาสก ซึ่งหมายถึงผู้ใกล้ชิดพระรัตนตรัย ได้แก่ผู้รับเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่มีสรณะอื่นยิ่งกว่า ถ้าเป็นสตรีเรียกว่า อุบาสิกา คุณสมบัติของอุบาสกนั้นมี 7 ประการ
อินทรีย์ ธรรมที่เป็นใหญ่ในกิจของตน คือ เป็นใหญ่ในการทำหน้าที่แต่ละอย่าง ๆ ของตน ได้แก่ เป็นเจ้าการในการครอบงำเสียซึ่งความไร้ศรัทธา ความเกียจคร้าน ความประมาท ความฟุ้งซ่าน และความหลงตามลำดับ มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 10 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ อีกหมวดหนึ่ง มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 9 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ อีกหมวดหนึ่ง มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 8 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ อีกหมวดหนึ่ง มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 7 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ อีกหมวดหนึ่ง มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 6 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 5 ประเภทอนุเคราะห์คฤหัสถ์ มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 4 ประเภทมีอุปการะมากแก่วัด มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 3 ประเภทอาวาสโสภณคือทำวัดให้งาม มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 2 ประเภทเป็นที่รักที่เคารพของสพรหมจารี คือ เพื่อนภิกษุสามเณรผู้ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน มี 5 ประการ
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 1 ประเภทที่น่ายกย่อง หรือเป็นที่ชื่นชูเจริญใจ มี 5 ประการ
อายุสสธรรม หรือ อายุวัฒนธรรม คือ ธรรมที่เกื้อกูลแก่อายุ หรือธรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ ธรรมที่ช่วยให้อายุยืน เป็นหลักธรรมสำหรับยึดปฏิบัติเพื่อความมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย และมีอายุยืนยาว มี 5 ประการ
อายุสสธรรม หรือ อายุวัฒนธรรม คือ ธรรมที่เกื้อกูลแก่อายุ หรือธรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ ธรรมที่ช่วยให้อายุยืน เป็นหลักธรรมสำหรับยึดปฏิบัติเพื่อความมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย และมีอายุยืนยาว มี 5 ประการ
อริยวัฑฒิ หรือ อารยวัฒิ แปลว่า ความเจริญอย่างประเสริฐ หรือ หลักความเจริญของอารยชน เป็นหลักธรรมที่นำไปสู่ความเจริญอันประเสริฐ หรือแสดงถึงความเจริญงอกงามอย่างอารยชน มี 5 ประการ
ปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณ์ คือ ธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนือง ๆ หรือนึกถึงอยู่เสมอ เพื่อเตือนใจตนเองให้เป็นผู้มีความประพฤติดีปฏิบัติชอบ เป็นเครื่องป้องกันความประมาท เร่งสร้างกุศลบุญบารมี และละเว้นจากการประพฤติชั่วอันจะเป็นเครื่องพาตัวให้ตกต่ำ
ศีล แปลว่า ปกติ หมายถึง ข้อปฏิบัติเพื่อรักษาความประพฤติทางกายและทางวาจาให้เป็นปกติและเรียบร้อยดีงาม ศีล 10 เป็นศีลที่มีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นจากศีล 8 เป็นศีลสำหรับสามเณรสมาทานรักษา
ศีล 8 ทั้งอาชีวะ หรือ อาชีวัฏฐมกศีล คือ ศีลมีอาชีวะเป็นคำรบ 8, หลักความประพฤติรวมทั้งอาชีวะที่บริสุทธิ์ด้วยเป็นข้อที่ 8 เป็นศีลส่วนอาทิพรหมจรรย์ คือ เป็นหลักความประพฤติเบื้องต้นของพรหมจรรย์ กล่าวคือ มรรค เป็นสิ่งที่ต้องประพฤติให้บริสุทธิ์ในขั้นต้นของการดำเนินตามอริยอัฏฐังคิกมรรค ว่าโดยสาระ อาชีวัฏฐมกศีล ก็คือ องค์มรรค 3 ข้อ ในหมวดศีล คือข้อที่ 3, 4, 5 ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และ สัมมาอาชีวะ นั่นเอง
ศีล แปลว่า ปกติ หมายถึง ข้อปฏิบัติเพื่อรักษาความประพฤติทางกายและทางวาจาให้เป็นปกติและเรียบร้อยดีงาม ศีล 8 เป็นศีลที่มีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นจากศีล 5 เป็นศีลสำหรับสมาทานรักษาในกรณีพิเศษเช่นวันอุโบสถ ที่เรียกว่า อุโบสถศีล หรือเป็นศีลสำหรับอุบาสิกาผู้ถือบวชเป็นแม่ชีสมาทานรักษา
เบญจธรรม แปลว่า ธรรม 5 ประการ หมายถึง ธรรมอันดีงามห้าอย่าง หรือคุณธรรมห้าประการ เป็นหลักธรรมที่ใช้ร่วมกับเบญจศีล เป็นธรรมที่เกื้อกูลแก่การรักษาศีลห้า เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เบญจกัลยาณธรรม
องค์ประกอบหรือคุณสมบัติที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นพหูสูต คือ ผู้ได้เรียนรู้มามาก มีความรู้มาก หรือ คงแก่เรียน มี 5 ประการ
พละ 5 ของพระมหากษัตริย์
1. พาหาพละ หรือ กายพละ กำลังแขน หรือ กำลังกาย
2. โภคพละ กำลังโภคสมบัติ
3. อมัจจพละ กำลังอำมาตย์
4. อภิชัจจพละ กำลังความมีชาติสูง
5. ปัญญาพละ กำลังปัญญา
นิโรธ 5 ประการ
1. วิกขัมภนนิโรธ ความดับด้วยการข่มไว้
2. ตทังคนิโรธ ความดับด้วยองค์นั้น ๆ
3. สมุจเฉทนิโรธ ความดับกิเลสด้วยการตัดขาด
4. ปฏิปัสสัทธินิโรธ ความดับความสงบระงับ
5. นิสสรณนิโรธ ความดับด้วยการสลัดออก
นิยาม 5 ประการ
1. อุตุนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิ
2. พีชนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการสืบพันธุ์
3. จิตตนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต
4. กรรมนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์
5. ธรรมนิยาม กฎแห่งธรรม
ธรรมสมาธิ 5 ประการ
1. ปราโมทย์ ความชื่นบานใจ
2. ปีติ ความอิ่มใจ
3. ปัสสัทธิ ความสงบเย็นกายเย็นใจ
4. สุข ความสุข
5. สมาธิ ความสงบตั้งมั่นของจิต
สุทธาวาส 5 ชั้น
1. อวิหา ภูมิของพรหมผู้ไม่ยอมละที่อยู่ของตน
2. อตัปปา ภูมิของพรหมผู้ไม่มีความสะดุ้งหวาดกลัวต่ออะไร
3. สุทัสสา ภูมิของพรหมผู้มีร่างอันงดงาม
4. สุทัสสี ภูมิของพรหมผู้มีความงดงามยิ่งกว่าพรหมชั้นสุทัสสา
5. อกนิฏฐา ภูมิของพรหมผู้สูงสุด
สังวร 5 ประการ
1. สีลสังวร การสำรวมระวังด้วยศีล
2. สติสังวร การสำรวมระวังด้วยสติ
3. ญาณสังวร การสำรวมระวังด้วยญาณ
4. ขันติสังวร การสำรวมระวังด้วยความอดทน
5. วิริยสังวร การสำรวมระวังด้วยความเพียร
เวทนา 5 ประการ
1. สุข ความสุขทางกาย
2. ทุกข์ ความทุกข์ทางกาย
3. โสมนัส ความสุขทางใจ
4. โทมนัส คือ ความทุกข์ทางใจ
5. อุเบกขา คือ ความรู้สึกเฉย ๆ