Tagged: ธรรมวิภาค

สวรรค์ 6 ชั้น

สวรรค์ คือ ภพที่มีอารมณ์อันเลิศ โลกที่มีแต่ความสุข เทวโลก ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา ในที่นี้หมายเฉพาะสวรรค์ชั้นกามาพจร คือ ชั้นที่ยังเกี่ยวข้องกับกาม ซึ่งเรียกเต็มว่า ฉกามาพจรสวรรค์ หรือ กามาวจรสวรรค์

เวปุลลธรรม 6 ประการ

เวปุลลธรรม คือ คุณสมบัติที่จะทำให้บุคคลเป็นผู้เติบใหญ่ไพบูลย์ในธรรมหรือคุณความดีทั้งหลายในเวลาไม่นาน มี 6 ประการ

ภัพพตาธรรม 6 ประการ

ภัพพตาธรรม คือ ธรรมอันทำให้เป็นผู้ควรที่จะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ และทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้เจริญเพิ่มพูน คุณสมบัติที่ทำให้เป็นผู้ควร เหมาะ สามารถ หรือพร้อม ที่จะได้จะถึงสิ่งดีงามที่ยังไม่ได้ไม่ถึง และทำสิ่งดีงามที่ได้ที่ถึงแล้วให้เจริญเพิ่มพูน มี 6 ประการ

ปิยรูปสาตรูป 10 หมวด หมวดละ 6

ปิยรูปสาตรูป คือ สภาวะที่น่ารักน่าชื่นใจ หมายถึง สิ่งที่มีสภาวะน่ารักน่าชื่นใจ เป็นที่เกิดและเป็นที่ดับของตัณหา เป็นขบวนธรรมที่แสดงให้เห็นความเกิดและความดับแห่งตัณหา มีทั้งหมด 10 หมวด หมวดละ 6 อย่าง

วิจาร 6 ประการ

วิจาร แปลว่า ความไตร่ตรองหรือการคิดทบทวน หมายถึง ความไตร่ตรองในอารมณ์ที่ตรึก เป็นสภาวะที่เกิดต่อเนื่องจากวิตกคือความตรึก กล่าวคือ เมื่อเกิดวิตกคือความตรึกในอารมณ์ใด ๆ ด้วยอำนาจความทะยานอยากแล้ว ใจก็นำเอาอารมณ์นั้นมาไตร่ตรองตามแต่จะนึกไปต่าง ๆ นานา

วิตก 6 ประการ

วิตก แปลว่า ความตรึก เป็นสภาวะที่เกิดต่อเนื่องมาจากตัณหา คือ เมื่อเกิดตัณหาคือความทะยานอยากในอารมณ์ใดแล้ว จิตก็จะตรึกคือคิดคำนึงในอารมณ์นั้นด้วยอำนาจของความทะยานอยาก วิตกคือความตรึกนี้จำแนกเป็น 6 อย่าง

ตัณหา 6 ประการ

ตัณหา แปลว่า ความอยาก หรือ ความทะยานอยาก คือ เมื่อจิตคิดปรุงแต่งให้เกิดความชอบ ความชัง ความพอใจ ความไม่พอใจ เป็นต้นแล้ว ก็จะเกิดตัณหาขึ้นมา เช่น อยากได้อารมณ์ที่ชอบใจ อยากจะพ้นไปจากอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น ตัณหาในหมวดนี้มี 6 ประการ

สัญเจตนา 6 ประการ

สัญเจตนา แปลว่า ความจงใจ ความตั้งใจ ความจำนง หรือความแสวงหาอารมณ์ หมายถึง ความคิดปรุงแต่งในรูปสัญญาเป็นต้น กล่าวคือ เมื่อสัญญาคือความหมายรู้เกิดขึ้นแล้ว ความคิดปรุงแต่งก็จะเกิดขึ้นตามมา สัญเจตนา แบ่งเป็น 6 ประการ ตามอารมณ์ที่รับเข้ามา

สัญญา 6 ประการ

สัญญา คือ ความกำหนดได้หมายรู้ ความจำได้ ความหมายรู้ได้ ความหมายรู้อารมณ์ หมายถึง การกำหนดรู้อาการของอารมณ์นั้น ๆ เช่น ทรวดทรง สันฐาน ตลอดถึงสมมติบัญญัติต่าง ๆ เช่น ขาว ดำ ดัง เบา เป็นต้น

ธรรมคุณ 6 ประการ

ธรรมคุณ แปลว่า คุณของพระธรรม แสดงให้เห็นลักษณะของพระธรรมว่าเป็นอย่างไร และแสดงให้เห็นคุณประโยชน์ที่จะพึงได้รับจากพระธรรม มี 6 ประการ

จริต 6 ประการ

จริต หรือ จริยา แปลว่า ความประพฤติ ได้แก่ ความประพฤติซึ่งหนักไปทางใดทางหนึ่งอันเป็นปกติประจำอยู่ในสันดานของมนุษย์ อุปนิสัยหรือบุคลิกลักษณะประจำตัวของแต่ละบุคคล มี 6 ประการ

อภิฐาน 6 ประการ

อภิฐาน แปลว่า ฐานะอันมีโทษหนัก ฐานะอันยิ่งยวด ความผิดพลาดสถานหนัก หมายถึง กรรมที่มีโทษหนักยิ่งกว่ากรรมอื่น ๆ มี 6 ประการ

อภิญญา 6 ประการ

อภิญญา แปลว่า ความรู้ที่ยิ่งยวด หรือ ความรู้พิเศษเฉพาะ เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระอรหันต์ประเภทเจโตวิมุตติ คือผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานสมาบัติ 8 ตามลำดับ แล้วจึงนำฌานนั้นมาเป็นบาทฐานในการเจริญวิปัสสนา จนสำเร็จอรหัตตผล

สัมผัส 6 ประการ

สัมผัส หรือ ผัสสะ แปลว่า ความกระทบ หมายถึง ความประจวบกันแห่งอายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณ แบ่งเป็น 6 ประการ ตามอายตนะและวิญญาณ

วิญญาณ 6 ประการ

วิญญาณ แปลว่า ความรู้แจ้ง หมายถึง ความรู้แจ้งอารมณ์อันได้แก่อายตนะภายนอก 6 ประการ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ คือเมื่ออายตนะภายในกับอายตนะภายนอกกระทบกัน ย่อมเกิดความรู้เฉพาะด้านขึ้นมา

อายตนะภายนอก 6 ประการ

อายตนะภายนอก คือ ที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้ แดนต่อความรู้ฝ่ายนอก หมายถึง สิ่งภายนอกที่สามารถรับรู้ได้โดยอาศัยอายตนะภายใน มี 6 อย่าง

อายตนะภายใน 6 ประการ

อายตนะภายใน คือ ที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้ แดนต่อความรู้ฝ่ายใน หมายถึง ทางเชื่อมต่อให้เกิดความรู้ที่มีอยู่ภายในตัวเรา ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับอายตนะภายนอก อายตนะภายในนี้มี 6 อย่าง

สารณียธรรม 6 ประการ

สารณียธรรม หรือ สาราณียธรรม คือ ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง ธรรมเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน หลักการอยู่ร่วมกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี มี 6 ประการ

คารวตา 6 ประการ

คารวตา หรือ คารวะ แปลว่า ความเคารพ หมายถึง การถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพึงใส่ใจและปฏิบัติด้วยความเอื้อเฟื้อ หรือโดยความหนักแน่นจริงจัง การมองเห็นคุณค่าและความสำคัญ แล้วปฏิบัติต่อบุคคลหรือสิ่งนั้นโดยถูกต้อง ด้วยความจริงใจ มี 6 ประการ

หน้าที่ของพระสงฆ์ที่พึงปฏิบัติต่อคฤหัสถ์ 6 ประการ

พระสงฆ์ จัดเป็นอุปริมทิศ คือ ทิศเบื้องบน ใน ทิศ 6 เพราะเป็นผู้ที่สูงด้วยคุณธรรม สูงด้วยศีลาจารวัตร และเป็นผู้นำทางจิตใจ ดังนั้น พระสงฆ์จึงได้รับความเคารพนับถือและกราบไหว้บูชาจากคฤหัสถ์ทั้งหลาย

กิริยาที่พึงปฏิบัติต่อสมณะ 5 ประการ

สมณะหรือพระภิกษุสามเณร จัดเป็นอุปริมทิศ คือ ทิศเบื้องบน ใน ทิศ 6 เพราะท่านเป็นผู้ที่สูงด้วยคุณธรรม สูงด้วยศีลาจารวัตร และเป็นผู้นำทางจิตใจ ฆราวาสทั้งหลายพึงปฏิบัติต่อสมณะ 5 สถาน

สิ่งที่ลูกจ้างควรปฏิบัติ 5 ประการ

ลูกจ้าง จัดเป็นเหฏฐิมทิศ หรือ ทิศเบื้องล่าง ในทิศ 6 เพราะเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือรับใช้นายจ้าง ช่วยทำงานต่าง ๆ และเป็นฐานกำลังให้แก่นายจ้าง การที่ผู้เป็นลูกจ้างจะสามารถดำรงชีพอยู่ได้ก็ต้องอาศัยนายจ้าง

สิ่งที่นายจ้างควรปฏิบัติต่อลูกจ้าง 5 ประการ

ลูกจ้าง จัดเป็นเหฏฐิมทิศ หรือ ทิศเบื้องล่าง ในทิศ 6 เพราะเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือรับใช้นายจ้าง ช่วยทำงานต่าง ๆ และเป็นฐานกำลังให้แก่นายจ้าง การงานทั้งหลายของนายจ้างจะสำเร็จลุล่วงได้ต้องอาศัยลูกจ้าง ดังนั้น ลูกจ้างจึงมีความสำคัญต่อการประสบความสำเร็จของนายจ้าง

แนวทางบำรุงน้ำใจมิตรสหาย 5 ประการ

มิตรสหาย จัดเป็นอุตตรทิศ คือ ทิศเบื้องซ้าย ในทิศ 6 เพราะเป็นผู้ช่วยให้ข้ามพ้นอุปสรรคอันตราย และเป็นกำลังสนับสนุนให้บรรลุความสำเร็จ

หน้าที่ภรรยาที่พึงปฏิบัติต่อสามี 5 ประการ

ภรรยา ได้ชื่อว่าเป็นปัจฉิมทิศ คือ ทิศเบื้องหลัง ในทิศ 6 เพราะเป็นผู้ติดตามคอยสนับสนุนสามีในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว สามีภรรยาต้องมีความรักความซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่จึงจะมีความสุข

หน้าที่สามีที่พึงปฏิบัติต่อภรรยา 5 ประการ

ภรรยา ได้ชื่อว่าเป็นปัจฉิมทิศ คือ ทิศเบื้องหลัง ในทิศ 6 เพราะเป็นผู้ติดตามคอยสนับสนุนสามีในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว สามีภรรยาต้องมีความรักความซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่จึงจะมีความสุข

หน้าที่ครูอาจารย์ที่พึงปฏิบัติต่อศิษย์ 5 ประการ

ครูอาจารย์ ได้ชื่อว่าเป็นทักขิณทิศ คือ ทิศเบื้องขวา ในทิศ 6 เพราะครูอาจารย์เป็นผู้ที่คอยประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้อันเปรียบเสมือนแขนข้างขวาที่ใช้สร้างความเจริญให้แก่ศิษย์

หน้าที่ศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์ 5 ประการ

ครูอาจารย์ ได้ชื่อว่าเป็นทักขิณทิศ คือ ทิศเบื้องขวา ในทิศ 6 เพราะครูอาจารย์เป็นผู้ที่คอยประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้อันเปรียบเสมือนแขนข้างขวาที่ใช้สร้างความเจริญให้แก่ศิษย์

หน้าที่ของบุตรธิดาที่พึงทำต่อมารดาบิดา 5 ประการ

มารดาบิดา จัดเป็นปุรัตถิมทิศ คือ ทิศเบื้องหน้า ในหลักทิศ 6 เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่บุตรก่อนกว่าคนอื่นทั้งปวง มารดาบิดา จัดเป็นพรหมของลูก เพราะเป็นผู้ที่ประกอบด้วยพรหมวิหาร 4