ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ

มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐสฺส เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ.

ผู้ให้ข้าว ชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะ ชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่าให้จักษุ

อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท.

ผู้ใดให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ไม่ให้ในคนที่ควรให้ ผู้นั้นถึงความเสื่อมเพราะอันตราย ย่อมไม่ได้สหาย

อเทยฺเยสุ ททํ ทานํ เทยฺเยสุ นปฺปเวจฺฉติ อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต สหายํ นาธิคจฺฉติ.

พึงนำ (สมบัติ) ออกด้วยการให้ วัตถุที่ให้แล้วย่อมเป็นอันนำออกดีแล้ว วัตถุที่ให้แล้วย่อมมีผลเป็นสุข ส่วนวัตถุที่ยังไม่ได้ให้ก็ไม่เป็นอย่างนั้น

นีหเรเถว ทาเนน ทินฺนํ โหติ สุนิพฺพุตํ ทินฺนํ สุขผลํ โหติ นาทินฺนํ โหติ ตํ ตถา.

ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากนัก ละเอียดนัก มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ (เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองแล้ว นำสุขมาให้

สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถ กามนิปาตินํ จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ.

คนใดมีจิตไม่ท้อถอย มีใจไม่หดหู่ บำเพ็ญกุศลธรรมเพื่อบรรลุธรรมที่เกษมจากโยคะ พึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวงได้

โย อลีเนน จิตฺเตน อลีนมนโส นโร ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา ปาปุเณ อนุปุพฺเพน สพฺพสํโยชนกฺขยํ.

ภิกษุเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น รู้ความเกิดและความเสื่อมแห่งโลกแล้ว มีใจดี ไม่ถูกกิเลสอาศัย มีธรรมนั้นเป็นอานิสงส์ พึงหวังความบริสุทธิ์แห่งใจได้

ภิกฺขุ สิยา ฌายิ วิมุตฺตจิตฺโต อากงฺเข เว หทยสฺสานุปตฺตึ โลกสฺส ญตฺวา อุทยพฺพยญฺจ สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส.

ผู้ใดทำกรรมชั่ว ล่อลวงเอาทรัพย์สมบัติพี่น้องพ่อแม่ ผู้นั้น มีจิตชั่วร้าย ย่อมไม่มีความเจริญ แม้เทวดาก็ไม่บูชาเขา

ปทุฏฺฐจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ น จาปิ นํ เทวตา ปูชยนฺติ โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ อวญฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี.

ผู้ถูกตัณหาครอบงำ ถูกศีลพรตผูกมัด ประพฤติตบะอันเศร้าหมองตั้งร้อยปี จิตของเขาก็หลุดพ้นด้วยดีไม่ได้ เขามีตนเลว จะถึงฝั่งไม่ได้

ตณฺหาธิปนฺนา วตฺตสีลพทฺธา ลูขํ ตปํ วสฺสสตํ จรนฺตา จิตฺตญฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ หีนตฺตรูปา น ปารงฺคมา เต.

บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ไม่พึง ยับยั้งอยู่

กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา.

จิตนี้ถูกยกขึ้นจากอาลัยคือกามคุณ เพื่อละที่ตั้งแห่งมาร ย่อมดิ้นรนเหมือนปลาถูกจับขึ้นจากน้ำโยนไปบนบกฉะนั้น

วาริโชว ถเล ขิตฺโต โอกโมกตอุพฺพโต ปริผนฺทติทํ จิตฺตํ มารเธยฺยํ ปหาตเว.

ผู้ใด จักสำรวมจิตที่ไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำ (คือกาย) เป็นที่อาศัย ผู้นั้น จักพ้นจากเครื่องผูกของมารได้

ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา.

โจรกับโจร หรือไพรีกับไพรี พึงทำความพินาศให้แก่กัน ส่วนจิตที่ตั้งไว้ผิด พึงทำเขาให้เสียหายยิ่งกว่านั้น

ทิโส ทิสํ ยนฺตํ กยิรา เวรี วา ปน เวรินํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร.