Tagged: ธรรมวิภาค

สมบัติ 3 ประการ

สมบัติ แปลว่า ความถึงพร้อม ความพรั่งพร้อม หมายถึง ความพรั่งพร้อมสมบูรณ์แห่งสิ่งอันให้สำเร็จความปรารถนา ผลสำเร็จที่ให้สมความปรารถนา หรือสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่ผู้ที่ครอบครอง ท่านจำแนกไว้ 3 อย่าง

สัทธรรม 3 ประการ

สัทธรรม แปลว่า ธรรมอันดี ธรรมที่แท้ หรือ ธรรมของสัตบุรุษ หมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักหรือแก่นของพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา

สังขาร 3 ประการ

สังขาร แปลว่า สภาพที่ปรุงแต่ง สิ่งที่ปรุงแต่ง มีความหมายเป็น 2 นัย ในนัยแรก หมายเอาสิ่งที่ปรุงแต่งชีวิต มี 3 ประการ

อสังขตลักษณะ 3 ประการ

อสังขตลักษณะ คือ ลักษณะแห่งอสังขตธรรม ธรรมที่ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่ พระนิพพาน มีลักษณะ 3 ประการ

สังขตลักษณะ 3 ประการ

สังขตลักษณะ หมายถึง ลักษณะแห่งสังขตธรรม คือธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ยกเว้นพระนิพพาน ซึ่งสังขตลักษณะนี้ จะทำให้เข้าใจสังขตธรรมได้ชัดเจนขึ้น ลักษณะแห่งสังขตธรรม มี 3 อย่าง

วิเวก 3 ประการ

วิเวก แปลว่า ความสงัด หรือ การปลีกออก หมายถึง ความปราศจากสิ่งที่มารบกวนให้เกิดความฟุ้งซ่านรำคาญ หรือการปลีกออกจากสิ่งที่เป็นข้าศึกของความสงบ มี 3 ระดับ

วิโมกข์ 3 ประการ

วิโมกข์ แปลว่า ความหลุดพ้น หมายถึง ภาวะที่จิตหลุดพ้นจากอำนาจกิเลส ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเจริญสมาธิ 3 คือ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ และอัปปณิหิตสมาธิ จัดเป็นความหลุดพ้นในวิปัสสนา แบ่งเป็น 3 ประเภท ต...

วิชชา 3 ประการ

วิชชา แปลว่า ความรู้แจ้ง หรือ ความรู้พิเศษ เป็นคุณพิเศษที่เกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าในวันตรัสรู้ มี 3 ประการ

วัฏฏะ 3 ประการ

วัฏฏะ แปลว่า วน วงกลม วงเวียน หรือการหมุนเวียน หมายถึง องค์ประกอบที่หมุนเวียนต่อเนื่องกันของภวจักร หรือสังสารจักร เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไตรวัฏฏ์ ได้แก่การหมุนเวียนของกิเลส กรรม และวิบาก

โลก 3 ประการ (นัยที่ 3)

กามโลก คือ โลกที่เป็นกามาวจร หมายถึง โลกอันเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ผู้ยังเสวยกามคุณ 5 คือยังเสวยอารมณ์ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 อยู่ ได้แก่ อบายภูมิ 4 มนุษยโลก 1 และ กามาวจรสวรรค์ 6

โลก 3 ประการ (นัยที่ 2)

โลก ในที่นี้ หมายถึง โลกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ หรือหมู่สัตว์ที่เกิดในภพนั้น ๆ ในที่นี้หมายเอาเฉพาะส่วนที่เป็นสุคติ มี 3 ประการ

โลก 3 ประการ (นัยที่ 1)

โลก ในที่นี้หมายถึง สิ่งที่ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดา คือบรรดาสภาวธรรมหรือหมู่สัตว์ กำหนดโดยขอบเขตบ้าง ไม่กำหนดบ้าง มี 3 ประการ

สังคหวัตถุ 4 ประการ

สังคหวัตถุ แปลว่า วัตถุเป็นเครื่องสงเคราะห์ หรือ หลักการสงเคราะห์ หมายถึง ธรรมเป็นเครื่องสงเคราะห์กัน ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวใจบุคคล ธรรมเป็นเครื่องผูกไมตรี ผู้ประพฤติธรรมข้อนี้จะเป็นผู้มีเสน่ห์ ผู้คนรักใคร่เอ็นดู มี 4 ประการ

มิตรแท้ 4 ประเภท

มิตรแท้ หรือ สุหทมิตร คือ มิตรที่มีความจริงใจ มิตรมีจิตใจดี เป็นบุคคลที่ควรคบหาไว้เป็นมิตร มี 4 ประเภท

มิตรเทียม 4 ประเภท

มิตรเทียม หรือ มิตรปฏิรูปก์ คือ คนเทียมมิตร ไม่ใช่มิตรแท้ คนพวกนี้เหมือนจะเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่ควรเรียกว่าเพื่อน เปรียบเหมือนศรัตรูที่อยู่ในร่างมิตร ไม่ควรคบ มี 4 ประเภท

สัมปรายิกัตถะ 4 ประการ

สัมปรายิกัตถะ หรือ สัมปรายิกัตถสังวัตตนิกธรรม คือ ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า หรือ ธรรมที่เกื้อหนุนให้ได้ประโยชน์ในภายหน้าหรือภพหน้า มี 4 ประการ

ทิฏฐธัมมิกัตถะ 4 ประการ

ทิฏฐธัมมิกัตถะ หรือ ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม คือ ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน หลักธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขในขั้นต้น เป็นหลักปฏิบัติในการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะที่มั่นคง มี 4 ประการ

อบายมุข 6 ประการ

อบายมุข 6 ประการ
1. ติดสุราและของมึนเมา
2. ชอบเที่ยวกลางคืน
3. ชอบเที่ยวดูการละเล่น
4. เกียจคร้านทำการงาน
5. คบคนชั่วเป็นมิตร
6. ติดการพนัน

อบายมุข 4 ประการ

อบายมุข แปลว่า ช่องทางของความเสื่อม ปากแห่งความเสื่อม หมายถึง ทางที่จะนำไปสู่ความพินาศ เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นทางแห่งความเสื่อมทรัพย์สมบัติและเกียรติยศชื่อเสียง ผู้ใดประพฤติเข้า ย่อมถึงความวิบัติล่มจม ท่านจำแนกไว้ 4 ประการบ้าง 6 ประการบ้าง

กรรมกิเลส 4 ประการ

กรรมกิเลส แปลว่า กรรมเครื่องเศร้าหมอง หมายถึง การกระทำที่นำมาซึ่งทุกข์ เพราะเป็นกรรมที่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ผู้กระทำย่อมถูกสังคมติเตียนรังเกียจ มี 4 ประการ

ภพ 3 ประการ

ภพ คือ ภาวะชีวิตของสัตว์ หรือ โลกเป็นที่อยู่ของสัตว์ หมายถึง โลกอันเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ตามอำนาจของบุญและบาปที่ตนได้กระทำไว้ แบ่งเป็น 3 ประเภท

พุทธจริยา 3 ประการ

โลกัตถจริยา พระพุทธจริยาเพื่อประโยชน์แก่โลก หมายถึง การบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระโลกนาถ คือ ที่พึ่งของชาวโลก เช่น ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ 5 ประการเป็นประจำไม่มีว่างเว้น

ปิฎก 3 ประการ (ไตรปิฎก)

ปิฎก แปลว่า กระจาด ตระกร้า กระบุง สำหรับเก็บของหรือใส่ของ ซึ่งสามารถเอาของหลายอย่างมาใส่รวมกันไว้ได้ไม่ให้กระจัดกระจาย ในที่นี้ หมายถึง คัมภีร์ที่รวบรวมพระพุทธพจน์อันเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนาเข้าไว้เป็นหมวดหมู่ มีทั้งหมด 3 หมวด เรียกว่า พระไตรปิฎก

ปาฏิหาริย์ 3 ประการ

อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือฤทธิ์ การแสดงฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ หมายถึง การแสดงฤทธิ์ เช่น เหาะเหินเดินอากาศ ดำดิน หายตัว แยกร่างเป็นหลาย ๆ ร่าง เป็นต้น

ปหาน 3 ประการ

วิกขัมภนปหาน แปลว่า การละด้วยการข่มไว้ การละด้วยการกดทับไว้ เป็นการละกิเลสของท่านผู้เจริญสมถกรรมฐานจนจิตตั้งมั่นเป็นอัปปนา บรรลุฌานขั้นใดขั้นหนึ่ง สามารถข่มนิวรณ์ไว้ได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในฌานนั้น แต่เมื่อออกจากฌานแล้วกิเลสคือนิวรณ์นั้นก็สามารถกำเริบขึ้นอีกได้

ปริญญา 3 ประการ

ปริญญา แปลว่า การกำหนดรู้ การทำความเข้าใจโดยครบถ้วน เป็นข้อปฏิบัติในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ที่จะนำไปสู่ความรู้แจ้งในสภาวธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง ผู้เจริญวิปัสสนาต้องกำหนดรู้ขันธ์ 5 ตามหลักปริญญาทั้ง 3 ประการนี้ จึงจะสามารถบรรลุผลได้

ภาวนา 3 ประการ

ภาวนา แปลว่า การเจริญ หมายถึง การเจริญกรรมฐานหรือการฝึกสมาธิขั้นต่าง ๆ แบ่งตามระดับความละเอียดประณีต เป็น 3 ระดับ

นิมิต 3 ประการ

นิมิต แปลว่า เครื่องหมาย เครื่องกำหนด หมายถึง เครื่องหมายสำหรับให้จิตกำหนดในการเจริญกรรมฐาน หรือภาพที่เห็นในใจอันเป็นตัวแทนของสิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์กรรมฐาน เพื่อเป็นอุบายผูกจิตให้สงบตั้งมั่น แบ่งเป็น 3 ระดับ ตามความละเอียดของสมาธิ

ธรรมนิยาม 3 ประการ

ธรรมนิยาม แปลว่า กำหนดแห่งธรรมดา ความเป็นไปอันแน่นอนโดยธรรมดา หรือ กฎธรรมชาติ หมายถึง กฎธรรมชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ สรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ล้วนต้องเป็นไปตามกฎนี้ มี 3 อย่าง

เทพ 3 ประเภท

เทพ แปลตามศัพท์ว่า เทพเจ้า หรือ เทวดา แต่ในที่นี้ กล่าวโดยความหมายโดยอ้อม หมายถึง ผู้รุ่งเรืองด้วยสิริเหนือกว่าบุคคลทั่วไป จำแนกเป็น 3 ประเภท