เทพ 3 ประเภท

เทพ 3 ประเภท

เทพ แปลตามศัพท์ว่า เทพเจ้า หรือ เทวดา แต่ในที่นี้ กล่าวโดยความหมายโดยอ้อม หมายถึง ผู้รุ่งเรืองด้วยสิริเหนือกว่าบุคคลทั่วไป จำแนกเป็น 3 ประเภท
อ่านต่อเทพ 3 ประเภท
ทิฏฐิ 3 ประการ

ทิฏฐิ 3 ประการ

ทิฏฐิ คือ ความเห็น ในที่นี้หมายเอามิจฉาทิฏฐิคือความเห็นผิด ได้แก่ความเห็นที่ขัดกับหลักพุทธศาสนา ความเห็นที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เป็นความเห็นที่ควรละเสีย มี 3 ประการ
อ่านต่อทิฏฐิ 3 ประการ
ตัณหา 3 ประการ

ตัณหา 3 ประการ

กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม หมายถึง ความทะยานอยากในการแสวงหากามคุณทั้งห้า คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าใคร่น่าพอใจมาสนองความต้องการของตนเอง เช่น ต้องการเห็นรูปที่สวยงาม ต้องการฟังเสียงที่ไพเราะ เป็นต้น ก็ดิ้นรนแสวงหาสิ่งเหล่านั้นมาสนองความต้องการของตนเอง
อ่านต่อตัณหา 3 ประการ
ญาณ 3 ประการ

ญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 2)

ญาณ แปลว่า ความรู้ ความหยั่งรู้ ปรีชาหยั่งรู้ หมายถึง ปัญญาหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของบุคคลทำให้รู้แจ้งเห็นจริง ญาณในหมวดนี้หมายเอาความรู้แจ้งในอริยสัจ 4 มี 3 ประการ
อ่านต่อญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 2)
ญาณ 3 ประการ

ญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 1)

ญาณ แปลว่า ความรู้ ความหยั่งรู้ ปรีชาหยั่งรู้ หมายถึง ปัญญาหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของบุคคล ทำให้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง มี 3 ประการ
อ่านต่อญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 1)
ทวาร 6 ประการ

ทวาร 6 ประการ

ทวาร 6 ประการ 1. จักขุทวาร ทวารคือตา 2. โสตทวาร ทวารคือหู 3. ฆานทวาร ทวารคือจมูก 4. ชิวหาทวาร ทวารคือลิ้น 5. กายทวาร ทวารคือกาย 6. มโนทวาร ทวารคือใจ
อ่านต่อทวาร 6 ประการ
ทวาร 3 ประการ

ทวาร 3 ประการ

ทวาร แปลว่า ประตู ทาง หรือช่องทาง มีความหมายเป็น 2 นัย คือ นัยที่ 1 หมายถึงช่องทางในการรับรู้อารมณ์ มี 6 อย่าง เรียกว่า ทวาร 6 นัยที่ 2 หมายถึงช่องทางในการทำกรรม มี 3 ทาง เรียกว่า ทวาร 3
อ่านต่อทวาร 3 ประการ
กรรม 3 ประการ

กรรม 3 ประการ

กรรม คือ การกระทำ หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่วก็ตาม แบ่งตามทวารหรือช่องทางในการกระทำ มี 3 ประการ
อ่านต่อกรรม 3 ประการ
อาสวะ 4 ประการ

อาสวะ 4 ประการ

อาสวะ คือ สภาวะอันหมักดองสันดาน สิ่งที่มอมเมาพื้นจิต กิเลสที่ไหลซึมซ่านไปย้อมใจเมื่อประสบอารมณ์ต่าง ๆ จัดเป็นกิเลสอย่างละเอียด ปกติจะไม่แสดงตัวออกมา ต่อเมื่อประสบกับอารมณ์ที่น่าใคร่น่าพอใจจึงจะแสดงตัวออกมา ท่านจำแนกไว้ 3 ประการบ้าง 4 ประการบ้าง
อ่านต่ออาสวะ 4 ประการ
อาสวะ 3 ประการ

อาสวะ 3 ประการ

อาสวะ คือ สภาวะอันหมักดองสันดาน สิ่งที่มอมเมาพื้นจิต กิเลสที่ไหลซึมซ่านไปย้อมใจเมื่อประสบอารมณ์ต่าง ๆ จัดเป็นกิเลสอย่างละเอียด ปกติจะไม่แสดงตัวออกมา ต่อเมื่อประสบกับอารมณ์ที่น่าใคร่น่าพอใจจึงจะแสดงตัวออกมา มี 3 ประการ
อ่านต่ออาสวะ 3 ประการ
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตใจของตน

ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ฯลฯ

ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตใจของตน. (พุทฺธ) ที.มหา. 10/142.
อ่านต่อภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ฯลฯ
อนุตตริยะ 6 ประการ

อนุตตริยะ 6 ประการ

อนุตตริยะ 6 ประการ 1. ทัสสนานุตตริยะ การเห็นอันยอดเยี่ยม 2. สวนานุตตริยะ การฟังอันยอดเยี่ยม 3. ลาภานุตตริยะ การได้อันยอดเยี่ยม 4. สิกขานุตตริยะ การศึกษาอันยอดเยี่ยม 5. ปาริจริยานุตตริยะ การบำรุงอันยอดเยี่ยม 6. อนุสสตานุตตริยะ การระลึกอันยอดเยี่ยม
อ่านต่ออนุตตริยะ 6 ประการ
อนุตตริยะ 3 ประการ

อนุตตริยะ 3 ประการ

อนุตตริยะ แปลว่า ภาวะอันยอดเยี่ยม สิ่งที่ยอดเยี่ยม กล่าวถึงความเป็นเหตุเป็นผลที่สืบเนื่องกันของความรู้ การปฏิบัติ และผลที่ได้ อันยอดเยี่ยม มี 3 ประการ
อ่านต่ออนุตตริยะ 3 ประการ
อธิปไตย 3 ประการ

อธิปไตย 3 ประการ

อธิปไตย หรือ อธิปเตยยะ แปลว่า ความเป็นใหญ่ หรือ ภาวะที่ถือเอาเป็นใหญ่ หมายถึง สิ่งที่ยึดถือเป็นสำคัญในการกระทำหรือการดำเนินชีวิต มี 3 ประการ คือ อัตตาธิปไตย โลกาธิปไตย ธัมมาธิปไตย
อ่านต่ออธิปไตย 3 ประการ
อัตถะ 3 ประการ

อัตถะ 3 ประการ (หมวดที่ 1)

อัตถะ แปลว่า ประโยชน์ ผลที่มุ่งหมาย จุดหมาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลาย ก็เพื่อให้พุทธบริษัทนั้นได้รับประโยชน์ 3 ประการ
อ่านต่ออัตถะ 3 ประการ (หมวดที่ 1)
อย่ามัวแต่ประมาท อย่ามัวแต่สนิทชิดชอบในกาม เพราะผู้ไม่ประมาท พิจารณาอยู่ ย่อมถึงความสุขอย่างยิ่ง

อย่ามัวแต่ประมาท อย่ามัวแต่สนิทชิดชอบในกาม เพราะผู้ไม่ประมาท ฯลฯ

อย่ามัวแต่ประมาท อย่ามัวแต่สนิทชิดชอบในกาม เพราะผู้ไม่ประมาท พิจารณาอยู่ ย่อมถึงความสุขอย่างยิ่ง. (พุทฺธ) สํ.ส. 15/36.
อ่านต่ออย่ามัวแต่ประมาท อย่ามัวแต่สนิทชิดชอบในกาม เพราะผู้ไม่ประมาท ฯลฯ